พระสีวลีปางฉันภัตตาหาร(จกบาตร) วัดถ้ำรัตนคีรี จ.อุทัยธานี


เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางว่าใครมีพระธาตุสีวลีครอบครองและปฏิบัติูบูชา  จะบังเกิดลาภและมีทรัพย์มาก การแสวงหาพระธาตุพระสีวลีย่อมยากยิ่ง   ใครมีในครอบครองย่อมหวงแหนยิ่งนัก  ทำให้ความต้องการได้พระธาตุพระสีวลีจึงดูเหมือนแทบจะเป็นไปไม่ไ้ด้เลย  วัดถ้ำรัตนคีรี  ตำบลเขากวางทอง อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี  ภายในบริเวณวัดนี้ปรากฎว่ามีพระธาตุและผงพระธาตุพระสีวลีเป็นที่อัศจรรย์แก่ผู้รู้ เมื่อนำมาปฏิบัติบูชาย่อมได้มาซึ่งลาภผลทางวัดโดยท่านเจ้าอาวาสวัดถ้ำรัตนคีรีได้จัดสร้างพระสีวลีปางฉันภัตตาหาร(จกบาตร) แสดงเจตนาให้ทราบว่าจะมีกินไม่รู้จักสิ้น เนื่องจากผสมผงพระธาตุพระสีวลีล้วนๆ ส่วนที่ด้านหน้าบรรจุพระธาตุพระสีวลีขนาดเล็กทุกองค์  การจัดพิมพ์พระสีวลีปางฉันภัตตาหาร(จกบาตร)นี้ทางวัดโดยท่านเจ้าอาวาสวัดถ้ำรัตนคีรีดำเนินการผสมผงและกดพิมพ์พระด้วยมือท่านเองทุกองค์ จึงมั่นใจได้ว่า จะได้ผงพระธาตุพระสีวลีล้วนๆแท้ๆออกมาเพื่อให้ประชาชนได้ร่วมทำบุญบูชาไปติดตัวเพื่อต้านภัยเศรษฐกิจ  ได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อดำ วัดสันติธรรม ตำบลบ้านด่าน อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว และหลวงพ่อเีขียวอินทโชโต วัดระเว บ้านตะกุดขอน ตำบลท่าช้าง อำเภอจักราช จังหวัดนครราชสีมา ปลุกเสกเดี่ยวเพื่อเป็นสิริมงคล อัญเชิญทิพยสภาวะแห่งองค์พระสีวลีมาสถิตให้บังเกิดลาภผลสมบูรณ์สมเจตนา ผู้บูชาด้วยความศรัทธาย่อมได้ผลมา มีผู้รายงานผลจำนวนมากว่า บูชาพระสีวลีปางฉันภัตตาหารแล้วถูกหวยรวยกันถ้วนหน้า

สงสัยต้องผมต้องรีบไปหามาบูชาซะแล้ว หวยกำลังจะออกแล้วไม่รู้จะหาทันหรือป่าวถ้าไม่ทันก็คงต้องรองวดหน้า55 ถูกกินมันทุกงวดงวดละนิดละหน่อย(ไม่สนับสนุนให้เล่นการพนันกันนะคับ) lส่วนรูปที่เห็นผมดึงมาจากอินเตอร์เน็ทนะคับ อย่าเข้าใจผิดว่า เป็นของวัดถ้ำรัตนคีรี แต่จริงๆวัดไหนก็ศักดิ์สิทธิ์เหมือนกันแหละครับ แต่วัดนี้ท่าทางจะดังสุดแล้วเพราะมีพระธาตุของพระสีวลีผสมอยู่ด้วย ว่างๆผมคงจะหาเวลาไปที่วัดถ้ารัตนคีรี เหมือนกัน ถือโอกาสไปเที่ยวด้วยซะเลย  ขับรถชมวิว ดูสาวๆจังหวัดอุทัยธานีไปด้วย  อะไรจะสุขขนาดนั้น 55++ ที่แนะนำว่า ควรไปที่วัดด้วยตัวเอง เพราะ เราย่อมได้ของแท้มาไว้บูชาแน่นอน  เวลาผมจะเช่าหรือบูชาวัตถุมงคล อะไรตามผมจะไปที่วัดนั้นๆด้วยตัวเองเสมอครับ


เอารูปทางเข้าวัดถ้ำรัตนคีรีมาให้ดูกัน จะได้ไม่หลงทางกัน  ว่างๆก็แวะไปเยี่ยมวัดกันบ้างนะครับทุกท่าน

พระสีวลี ประวัติและความเป็นมาภาค 2

พระนางสุปปวาสาเทวีทรงพระครรภ์อยู่นานถึง 7 ปี ผิดไปกว่าบุคคลธรรมดาเมื่อล่วงไปอีก 7 เดือน 7 วัน พระนางสุปปวาสาเทวีจึงคลอดพระกุมารนั้นออกมา แต่เป็นไปด้วยความยากลำบากอย่างยิ่งเพราะบังเกิดความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส พระนางถึงกับกล่าวกับพระราชสวามีว่า "หม่อมฉันมีครรภ์มา 7 ปี 7 เดือน และเจ็บปวดทรมานมา 7 วันแล้วรู้สึกว่าชีวิตนี้ตกอยู่ในอันตราย อาจจะตายในวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ ขอให้พระองค์เสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าแทนหม่อมฉันด้วยเถิด กราบบังคมทูลพระพุทธองค์ด้วยว่า หม่อมฉันยังระลึกถึงพระพุทธองค์อยู่เป็นนิจ และขอถวายบังคมพระพุทธบาทด้วยเศรียรเกล้า"

เมื่อพระราชสวามีไปเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อเล่าอาการของพระนาง  พระพุทธองค์ทรงประทานพรว่า "ขอให้พระนางสุปปวาสา ราชธิดาของพระเจ้ากรุงกาลิยะ จงมีความสุขหาโรคภัยไข้เจ็บมิได้ จงประสูติกุมารอันบริสุทธิ์ปราศจากโรคภัยเถิด"

พระเจ้ามหาลิจฉวีทรงดำริว่าพระพุทธองค์ตรัส คำไหนย่อมเป็นไปตามนั้น จึงรีบกลับไปยังพระราชวัง แต่ยังไม่ทันถึง  พระนางสุปปวาสาเทวีก็ได้ประสูติพระโอรสเสียก่อน การประสูตินั้น ก็ง่ายดุจเทน้ำออกจากกระบอกและพระกุมารที่คลอดออกมานั้นก็ได้รับพระราชทานนามว่า "สีวลี"

เมื่อพระสีวลีคลอดออกมาก็เจริญวัยเท่ากับเด็กอายุ 7 ขวบ ทั้งนี้เพราะอยู่ในพระครรภ์ของมารดายาวนานถึง 7 ปีนั่นเอง ในวันต่อมาทางพระราชวังของพระเจ้าลิจฉวีได้นิมนต์พระพุทธองค์ พร้อมทั้งพระสาวกมาฉันภัตตาหารที่พระราชวัง เป็นการถวายมหาทานที่พระนางสุปปสาวาเทวีทรงคลอดพระโอรสออกมาอย่างปลอดภัย  ในระหว่างการถวายมหาทาน พระสารีบุตรอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธองค์ถามพระกุมารสีวลีว่า ในระหว่างที่อยู่ในครรภ์ 7 ปี มีสุขทุกข์อย่างไร กุมารสีวลีกล่าวตอบว่า "สุขมาแต่ไหนขอรับ มีแต่ทุกข์แสนสาหัส ทนอึดอัดไม่เห็นเดือนไม่เห็นตะวันตั้ง 7 ปี 7 เดือน วันนั้นแสนเนิ่นนาน" พระราชกุมารตอบ

พระสารีบุตรถามกุมารต่อไปว่า เมื่อเห็นทุกข์ในการเกิดดดังนี้่เธอไม่คิดอยากบวชบ้างหรือ สีวลีราชกุมารได้ยินดังนั้นก็ตอบว่า "ถ้าได้รับอนุญาตก็จะบวช"

Designed by Posicionamiento Web | Bloggerized by GosuBlogger | Blue Business Blogger