พญาเต่าเรือน วัตถุประสงค์ในการสร้างและการสักการบูชา
โบราณาจารย์ผู้สร้างท่านมักจะสักด้วย หมึกเขียนเป็นผ้ายันต์หรือทำเป็นเครื่องรางรูปพญาเต่าเรือน มอบให้ลูกศิษย์นำไปใช้บูชาสำหรับป้องกันภัยและเครื่องรางทางมหาเศรษฐี ด้วยการผูกยันต์ขึ้นในรูปตัวเต่า พร้อมลงอักขระเรียกสูตรตามขั้นตอน
การสร้างเครื่องรางพญาเต่าเรือนขนาดเล็ก ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในหมู่นักเลงเครื่องราง แต่ไม่แพร่หลายมากนัก จนกระทั่ง หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย จังหวัดนครนายก ท่านได้สร้างรูปเคารพของพญาเต่าเรือนขึ้นด้วยหิน มีหลายขนาด ตั้งแต่ใหญ่ขนาดสองคนแบก ไปจนถึงขนาดเล็กห้อยคอ ได้รับความเชื่อถือในวงกว้าง หรือหลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง จังหวัดกาญจนบุรี ท่านได้สร้างเหรียญพญาเต่าเรือนรุ่นแรก มีรูปของท่านประทับอยู่บนหลังพญาเต่าเรือน มีประสบการณ์เอกอุทางด้านมหาลาภและคุ้มกันภัย ช่วยปลุกกระแสความนิยมให้กับเครื่องรางชนิดนี้ให้ได้รับความนิยมสูงสุดในยุค ปัจจุบัน มีผู้นับถือและเสาะแสวงหามาสักการบูชากันอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ
พญาเต่าเรือนที่่่หายากและมีจำนวนน้อยก็ คือ พญาเต่าเรือนเนื้อชินตะกั่ว ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เล่ากันว่า เมื่อท่านเทหล่อพญาเต่าเรือนและนำมาปลุกเสก ปรากฎว่าเต่าจากทุกสารทิศคลานเข้ามาในลานวัด อย่างมากมายพอหลวงปู่ยุติการปลุกเสกมันก็พากันคลานหายไป น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
มีการพบรูปพญาเต่าหล่อด้วยทองคำ หรือดุนเป็นแผ่นทองคำในพระเจดีย์สมัยอยุธยา และปรากฎว่า มีการสร้างพญาเต่าเรือนขึ้นในสมัยกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ด้วย จากหลักฐานที่สอบค้นได้นั้นพบว่า พญาเต่าเรือนขนาดใหญ่แกะจากไม้หรือหิน วัตถุประสงค์เพื่อต่อสู้คดีความในศาลโดยมีหลักฐานระบุว่า
"มันผู้ใดถูกใส่ความและกลั่นแกล้งโดยไม่ เป็นธรรมหรือต้องถูกนำตัวขึ้นศาล ให้ประกอบพิธีโดยอ้างเอาบารมีพญาเต่าเลือน(อีกชื่อหนึ่งของพญาเต่าเรือน )เป็นที่ตั้ง มันผู้นั้นก็จะรอดพ้นจากคดีที่ถูกใส่ความกลั่นแกล้งด้วยเมตตาธรรมแห่งพญา เต่าเลือนแล"
การประกอบพิธีในที่นี้ก็คือ ให้ผู้ถูกใส่ความไปนั่งยองๆเหนือหลังพญาเต่าเรือน ส่วนผู้ประกอบพิธีจะเสกน้ำมนต์พญาเต่าเรือน นำมารดลงศีรษะของผู้ถูกใส่ความ ให้ผู้ถูกใส่ความอธิษฐานขอบารมีพญาเต่าเรือนเป็นที่ตั้งเมื่อไปขึ้นศาล เดชะบารมีแห่งพญาเต่าเรือนโพธิสัตว์ก็จะทำให้ฝ่ายที่เป็นผู้ใส่ความเสียขบวน ให้ปากคำเลอะเลือนจนขาดน้ำหนัก ทำให้ศาลยกฟ้องหรือตัดสินให้ผู้ถูกใส่ความเป็นฝ่ายชนะในที่สุด อีกทั้งยังพบอีกว่า นอกจากการรดน้ำมนต์แล้วยังให้นำชื่อของคู่ความที่ใส่ร้ายมาเขียนลงบนกระดาษ แล้วเขียนยันต์พญาเต่าเรือนทับลงไป จากนั้นจึงเอาไปไว้ใต้รูปเคารพพญาเต่าเรือนจนกว่าจะสิ้นสุดคดีความ
วิธีสักการบูชา
เมื่อนำพญาเต่าเรือนเข้าบ้านให้จุดธูป 5 ดอก บอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในบ้านให้รับรู้ ขออนุญาตนำพญาเต่าเรือนมาอยู่ในบ้าน เพื่อมาช่วยคุ้มครองป้องกันภัยและขับไล่สิ่งไม่ดีออกไป และขอให้ช่วยนำโชคลาภมาให้ สถานที่บูชาให้จัดวางในพาน(กรณีไม่ใช่แบบเหรียญห้อยคอ) หรือบนแท่นหินอ่อนที่มีน้ำล้อมรอบ หรือวางพญาเต่าเรือนบนภาชนะอื่นๆที่มีน้ำ โดยรินน้ำพอปริ่มๆหรือครึ่งตัวเต่า(อย่าให้จมน้ำทั้งตัว) วางไว้ที่ด้านล่างของหิ้งพระต่ำกว่า พระพุทธรูป หรือจัดวางอยู่บนตู้บนโต๊ะ หรือเคาเตอร์เก็บเงินก็ไ้ด้
ให้บูชาด้วยน้ำสะอาด ถวายผักบุ้งและผักกาดขาวตามโอกาสอันควร จะถวายพวงมาลัยดอกมะลิกุหลาบก็ยิ่งดี
ข้อห้าม ห้ามนำพญาเต่าเรือนไปงานศพ หรือ งานอัปมงคลทั้งหลาย
11:02 AM | |
This entry was posted on 11:02 AM You can follow any responses to this entry through the RSS 2.0 feed. You can leave a response, or trackback from your own site.
0 comments:
Post a Comment