กำเนิดพระแม่กวนอิม
อาณาจักรชิงหลินมีเจ้าผู้ครองนามว่า พระเจ้าเมี่ยวจวงและมเหสีเชี่ยวหลิน มีพระธิดาอยู่ 3 พระองค์ คือ พระนางเมี่ยวเซง พระนางเมี่ยวหยิน และพระธิดาเมี่ยวซัน(เจ้าแม่กวนอิม) พระธิดาองค์นี้มีความงามบริสุทธิ์ตรึงใจของบุรุษเพศและผู้พบเห็น นอกจากจะมีความงามภายนอกแล้วดวงพระทัยของพระองค์ยังทรงมีน้ำพระทัยเมตตาอารีแก่คนและสัตว์
พระราชธิดาเมี่ยวซัน ได้เติบโตเป็นสาวขึ้นมาท่ามกลางสภาพการประหัตประหาร พระองค์จึงได้ตั้งปณิธานไว้ว่า "จะต้องพยายามด้วยความมานะอดทนเพื่อขจัดทุกข์ของมวลมนุษย์ทั้งหลายให้พบความสุขให้จงได้"แต่พระบิดาต้องการให้มีคู่ครองเพื่อจะได้เป็นกำลังสำคัญป้องกันอาณาจักรชิงหลิน แต่นางได้กราบทูลต่อบิดาว่า "ข้าฯ แต่บิดาผู้มีพระคุณผู้มีพระคุณล้ำฟ้าของลูก ลูกทราบเจตนาของบิดาที่จะให้ลูกมีความสุขกับชายผู้กล้า แต่หม่อมฉันขอพระกรุณาจากพระราชบิดา ลูกขอกราบบังคมทูลไปออกบวชเป็นพระภิกษุณี บำเพ็ญบุญกำจัดบาปจนกว่าจะบรรลุพระโพธิสัตว์ญาณ" ทำให้พระเจ้าเมี่ยวจวงไม่พอพระท้ย แต่ก็พยายามปลอบและขู่ไปด้วยในที ก็หาชนะจิตใจของพระนางไม่
พระราชบิดาพยายามแกล้งให้พระราชธิดาทุกข์ยากลำบาก จะได้กลับใจเลือกคู่ครอง แต่พระโพธิสัตว์มีความเด็ดเดี่ยวมั่นคงยิ่งนัก เมื่อพระราชธิดา เมี่ยวซันได้ออกบวชเป็นภิกษุณี พระนางทำงานด้วยพระองค์เองทุกอย่าง แต่น่าอัศจรรย์ ด้วยอำนาจบุญกุศล ทุกครั้งที่พระนางจะทำอะไร มัีกมีเหล่าเทวดาที่สถิตอยู่ในที่ต่างๆ พากันมารับอาสาช่วยเหลือแทนอยู่เสมอ จึงทำให้พระนางมิต้องแตะต้องงานเหล่านี้เลย คงมีแต่การบำเพ็ญสมาธิภาวนาเท่านั้น
พอเหตุการณ์ทราบถึงพระกรรณของบิดา จึงมีบััญชาให้ทหารไปทำการเผาอารามนกขาว เมื่อแสงพระเพลิงสว่างขึ้น พระภิกษุณีเข้าที่ทำสมาธิ ได้อธิษฐานจิตลงไปว่า "ขอพระเพลิงอย่าลุกลามทำลายอารามให้เป็นที่เสียหายเดือดร้อนเลย ข้าพเจ้าขอรับความทุกข์แต่เพียงผู้เดียว"
เทพเทวาจึงบันดาลให้บังเกิดฝนตก จนสามารถดับเพลิงได้หมดพระเจ้าเมี่ยวจวงได้ล่วงรู้ความเป็นความเป็นผู้มีบุญญาธิการแก่กล้านัก ก็ทรงพิโรธ ให้ทหารไปจับตัวพระธิดามาและตรัสสั่งให้ประหารชีวิต
น้ำพระทัยแห่งพระโพธิสัตว์เจ้ามิเคยหวั่นไหว ไม่ทรงขอร้องให้ชีวิตยืนอยู่ต่อไป จิตใจเยือกเย็นดุจหยาดน้ำทิพย์ หลับพระเนตร นิ่งนึกแผ่เมตตาธรรมแก่พระราชบิดา พระราชมารดา และบรรดาเพชรฆาต ไม่ขอติดใจให้กลายเป็นหนี้กรรมต่อกัน เมื่อดาบของเพชรฆาตกระหน่ำลงสู่พระศอ กลับเด้งขึ้นอย่างรุนแรง หอกของเพชฌฆาตลงไปสู่สรีระกลับไม่เกิดผลอีกเช่นเคย ต่อจากนั้นอาวุธนานาชนิดต่างก็ก่อกรรมกับร่างกายพระนาง ก็หาระคายผิวของพระธิดาไม่ จึงรับสั่งให้ทหารเอาผ้าแพรมารัดคอฟ้าดินมองเห็นความโหดร้าย ทันใดนั้นมีแสงสว่างลอยพุ่งมาจากขอบฟ้า ตรงมายังร่างสงบนิ่งของพระภิกษุณีเมี่ยวซัน พลันผ้าแพรที่รัดคอกลับกลายเป็นพยัคฆามาคาบร่างพระภิกษุณีโผนออกสู่ราวป่า ภิกษุณีเมี่ยวซันครั้นลืมพระเนตรก็พบพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งมาทดสอบจิตใจของท่าน
พระภิกษุณีเมี่ยวซันได้ติดตามพระโพธิสัตว์ผู้มาโปรด เพื่อได้บำเพ็ญบารมีสมดังใจปรารถนา โดยได้นำพระภิกษุณีเมี่ยวซันเกาะอันสงบ 9 ปีแห่งการบำเพ็ญธรรม ได้บรรลุผลแห่งความพากเพียรจนสำเร็จผลเป็นพระโพธิสัตว์เจ้า มีฉายาธรรมในภาษาจีนว่า "กวนซี อิมผ่อสัก" ซึ่งหมายถึงพระโพธิสัตว์ผู้สดับฟังเสียงแห่งโลก เมื่อบรรลุสมความปรารถนาแล้ว ทรงกำหนดจิตถึงพระบิดาทางสมาธิก็ให้แจ้งตามความเป็นจริงว่า พระบิดาเมี่ยวจวงเกิดประชวรอย่างหนัก ทั้งยังมีศัตรูปองร้ายคอยฉวยโอกาสที่จะแก้แค้นอยู่เป็นนิตย์
ทรงรำพึงในใจว่า "ลำพังการรักษาพระโรคของพระราชบิดาก็ย่อมหายได้ แต่วิสัยของพระบิดาเป็นบุคคลที่มีความทิฐิมากนักไม่ยอมให้รักษาเป็นเด็ดขาด ทางที่ดีควรให้ศิษย์ผู้ปัญญาหาอุบายไปรักษาให้ จะสมควรกว่า" ศิษย์ของพระองค์ที่ชื่อ ซานใช้ จึงเดินทางเข้าพระราชวังดำเนินการตามอุบายที่รับสั่งมา
"โรคภัยของพระองค์ในครั้งนี้จะรักษาให้หายจริงๆแล้ว จำต้องใช้สิ่งสำคัญมาทำยา มีตัวยาสำคัญดังนี้่้ ต้องใช้แขนขาและดวงตาทั้ง 2 ข้างของพระโพธิสัตว์มาทำเป็นยา นอกจากตัวยาวิเศษนี้แล้วจะไม่มียาใดๆเลยในโลกนี้จะรักษาได้" ซานใช้ทูลต่อพระเจ้าเมี่ยวจวง พระเจ้าเมี่ยวจวงจึงสั่งให้เสนาบดีไปเอาดวงตาและแขนของพระโพธิสัตว์มาให้ได้
เจ้าแม่กวนอิมพระโพธิสัตว์เจ้าทรงสละทานอันยิ่งใหญ่ เพื่อทดแทนพระคุณของบิดา ด้วยการควักดวงตาและบั่นแขนทางด้านซ้ายอย่างละหนึ่ง แล้วมอบให้ทหารนำไปทำยารักษาพระโรคของพระเจ้าเมี่ยวจวง เมื่อประกอบตัวยาแล้วเสวย ทำให้พระโรคของพระองค์หายไปครึ่งหนึ่งในความรู้สึกของพระองค์ แต่อย่างไรก็ตามอาการเจ็บป่วยและทุกขเวทนาของพระเจ้าเมี่ยวจวงก็ยังทรงอยู่ ทำให้เกิดความทุกข์อย่างมาก ในที่สุดซานใช้ ได้บอกให้เสนาบดีและทหารออกไปรับตัวยาวิเศษ คือ ดวงตาข้างขวาและแขนขวาของพระโพธิสัตว์เจ้ามาทำยาถวาย เพื่อกำจัดโรคภัยที่ยังคั่งค้างอยู่จนหายทุกขเวทนา
ความลี้ลับอัศจรรย์เกิดขึ้นเพราะอำนาจแห่งความเป็นผู้รู้จักพระคุณของบิดามารดา และอำนาจแห่งทานคือการเสียสละอันยิ่งใหญ่นั่นเอง พระเจ้าเมี่ยวจวงผู้ครองอาณาจักรชิงหลิน จึงหายจากโรคร้ายนั้นอย่างสิ้นเชิง ยาวิเศษอันประกอบด้วยดวงตาและแขนของพระแม่กวนอิมโพธิสัตว์ได้ทำความประหลาดใจแก่พระเจ้าเมี่ยวจวงไม่น้อย จึึงตรัสถามซานใช้ ไปว่า
"เรามีความสงสัยแท้ พระโพธิสัตว์องค์ใดหนอที่อุิทิศตาและแขนให้กับเราเพื่อมาทำยา ท่านมีนามว่ากระไรหรือ" ซานใช้ได้ทูลความจริงให้ทราบว่า "ข้าฯแต่พระองค์ ดวงตาและแขนที่นำมาทำยาถวายพระองค์ไปนั้น แท้จริงแล้วท่านได้ฉายานามว่า พระโพธิสัตว์กวนอิมหรือกวนซีอิมผ่อสัก แต่เดิมพระองค์ก็คือพระธิดาเมี่ยวซันของพระองค์เองพระเจ้าข้า"
พระเจ้าเมี่ยวจวงถึงกับทรุดลงน้ำตาคลอบังเกิดสำนึกบาปกรรมของตนที่ทรงกระทำไ้ว้แก่พระธิดาอย่างสาหัส ฉับพลันความสำนึกผิดบังเกิดขึ้นภายในดวงใจ ด้วยอำนาจบารมีของพระโพธิสัตว์กวนอิม สามารถดับความโลภ ความโกรธ ความหลง ออกได้จนหมดสิ้น พระองค์จึงทรงประกาศสละราชสมบัติ มอบหมายหน้าที่การเมืองให้ราชบุตรเขยดูแลแทน พระองค์ขอติดตามไปกราบพระแม่กวนอิม ก่อนออกจากอาณาจักร พระเจ้าเมี่ยวจวงได้กระทำความดีไว้ด้วยการทำทานอันยิ่งใหญ่ คือ
1.ทรงปลดปล่อยเชลยศึกจนหมดสิ้น
2.คืนทรัพย์สินสมบัติต่างๆที่เคยยึดมาจากต่างเมือง
ครั้นพระเจ้าเมี่ยวจวง พระมเหสีและพระพี่นางไปถึงอาวาสของพระโพธิสัตว์พระแม่กวนอิมแล้ว ได้พบกับภาพอันน่าสลดใจนั้นถึงกับร่ำใชไห้ด้วยความสงสาร เพราะสภาพสังขารของพระโพธิสัตว์ที่ไร้ดวงตา และแขนทั้งสองถูกบั่นออก พระเจ้าเมี่ยวจวงเสียพระทัยอย่างสุดซึ้ง การปฏิบัติสมาธิภาวนาจิตใจที่เจริญพรหมวิหารธรรมอยู่เป็นวิสัยอันนับชาติไม่ถ้วน พระโพธิสัตว์กวนอิมได้กล่าวแก่พระบิดาว่า "ขอพระบิดาเจ้าอย่าไปเสียพระทัยไปเลย ข้าพเจ้ามีความเต็มใจเสียสละอวัยวะร่างกาย แม้กระทั่งชีวิตถวายเพื่อความกตัญญูต่อพระบิดาได้เสมอ ขอเพียงพระบิดามีพระชนม์ต่อไปเพียงเท่านั้น"
ด้วยพระอำนาจแห่งพุทธานุภาพและคุณงามความดีเมื่อกล่าวกับพระบิดาจบลง ดวงตาทั้งสองข้างพร้อมด้วยแขนซ้ายขวาก็กลับคืนสู่พระโพธิสัตว์กวนอิมโดยฉับพลัน พระบิดาเมี่ยวจวงและพระมารดาเซี่ยวหลิน ตลอดถึงข้าราชบริพารที่มาเฝ้า ต่างก็ได้ขอปวารณาตนบำเพ็ญธรรมกับพระโพธิสัตว์กวนอิม อยู่ฝึกฝนอบรมธรรมจนเกิดสติปัญญาออกเผยแพร่สัจธรรมสืบต่อไป
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับความดีความกตัญญูและความมหัศจรรย์ของพระแม่กวนอิมโพธิสัตว์ สมควรที่ท่านจะมีเครื่องรางของขลังเจ้าแม่กวนอิมไว้บูชาติดตัวและติดบ้านหรือไม่ ถามใจท่านดู แต่สำหรับผมล้านเปอร์เซนต์ ผมต้องมีไว้บูชาติดตัวติดบ้านไว้ เพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ชีวิตครับผม
10:47 AM | |
This entry was posted on 10:47 AM You can follow any responses to this entry through the RSS 2.0 feed. You can leave a response, or trackback from your own site.
0 comments:
Post a Comment