พญาเต่าเรือน ภาคหนึ่งของพระโพธิสัตว์ผู้มีเมตตาต่อมวลมนุษย์
พญาเต่าเรือน คือเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่งที่เป็นสุดเลิฟของผมเลยทีเดียวเพราะอะไรนะเหรอ ถ้าคุณได้ยินเรื่องราวและตำนานพญาเต่าเรือน แล้วคุณจะซึ้งจนน้ำตาไหล(พอๆกับตำนานของเจ้าแม่กวนอิมเลยทีเดียว)ว่าจะมีใครใจดีมีเมตตาและเสียสละให้กับมนุษย์อย่างเราๆท่านๆได้ขนาดนี้อีก ตำนานกล่าวไว้ในชาดกที่เรียกกันว่า พระเจ้า 500 ชาติกล่าวถึงสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโปรดพระสาวกและพุทธบริษัท ให้ได้ประจักษ์ ถึงบารมีที่พระองค์ทรงเสด็จมา เสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ ในลักษณะของสัตว์ผู้เปี่ยมไปด้วยศีลและทานบารมีก่อนถึงทศชาติ(10 ชาติสุดท้ายที่เสด็จลงมาอุบัติบนโลก จนบรรลุเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) พระองค์ทรงเสวยพระชาติเป็นพญาเต่า จำศีลภาวนา แต่ยังเล็กจนกระทั่งเติบใหญ่ ด้วยอำนาจแห่งศีลอันบริสุทธิ์ ทำให้พระองค์มีร่างกายที่ใหญ่โตเท่ากับบ้านเรือนที่อาศัยอยู่ของมนุษย์ โดยทรงขึ้นไปจำศีลอยู่บนยอดเขาบนเกาะร้างกลางทะเลและมีความสงบสุขตลอดมา
วันหนึ่งมีเรือของพ่อค้าแล่นมาประสบพายุทำให้เรืออับปาง พ่อค้าและลูกเรือที่รอดตายจึงพากันว่ายน้ำมาอาศัยอยู่บนเกาะ อดอยากหิวโหยเป็นอย่างยิ่ง ผลหมากรากไม้ที่มีก็เก็บกินประทังชีวิต มีคนตายคราใดก็เอาศพมาเชือดเอาเนื้อมาเป็นอาหารเพื่อให้รอดตาย จนที่สุดก็ไม่มีอะไรจะกิน จนเืกือบจะฆ่ากันเองเพื่อเอาเนื้อมากิน เต่าพระโพธิสัตว์ทรงทราบด้วยญาณสมาธิโดยตลอด รู้สึกเวทนาและบังเกิดความเมตตาอย่างสุดประมาณต่อบรรดาสัตว์โลกผู้ยากไร้ที่กำลังหิวโหยอยู่ด้านล่าง จึ่งอธิษฐานจิตว่า
"ข้าพเจ้าไม่มีสิ่งใดที่จะช่วยเหลือมนุษย์ผู้อดอยากหิวโหยเหล่านั้นได้ นอกจากร่างกายของข้าพเจ้า ขออุทิศชีวิตและร่างกายเพื่อช่วยให้มนุษย์เหล่านั้นรอดพ้นจากความตาย ด้วยเดชะบารมีที่ข้าพเจ้าได้เคยทำมานี้ จงเป็นพละปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้พบกับพระนิพพานในอนาคตกาลข้างหน้าด้วยเถิด"
อธิษฐานจิตแน่วแน่แล้ว พญาเต่าโพธิสัตว์จึงคลานมาที่หน้าผาเลือกเอาโขดหินผาที่แหลมคมด้านล่างเป็นที่เจริญเมตตาจิตเป็นที่ตั้ง พุ่งตัวลงจากหน้าผา กระดองกระแทกกับหินผาได้รับความเจ็บปวดทรมาน จนกระดองแตกถึงแก่ความตายอยู่บนพื้นดินด้านล่าง พ่อค้าและลูกเรือจึงได้อาศัยเนื้อของพญาเต่ากินเป็นอาหาร ตราบจนกระทั่งมีเรือลำือื่นผ่านมารับและรอดตายได้ทั้งหมด เมื่อมนุษย์เหล่านั้นกลับถึงบ้านตน ก็ระลึกถึงบุญคุณของเต่าโพธิสัตว์ จึงทำรูปเคารพของพญาเต่าไว้บูชา ณ บ้านเรือนถิ่นถานของตน เพื่อระลึกถึงและสั่งสอนสืบทอดกันต่อมาว่า "พญาเต่าเรือน คือเอกลักษณ์แห่งเมตตาบารมีที่จะคุ้มครองผู้ประพฤติธรรมให้พ้นจากการเบียดเบียนของเหล่าอธรรมในทุกกาล"
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ลึกซึ้งกินใจกันดีไหม ผมรู้สึกยกย่องและนับถือในน้ำใจของพญาเต่าเรือนเป็นอย่างมาก จึงอยากเล่าความเป็นมาให้ท่านผู้ที่ยังไม่เคยได้ยินเรื่องราวของพญาเต่าเรือนมาก่อนได้ทราบกัน
อิทธิคุณหรือพุทธคุณของเครื่องรางพญาเต่าเรือน (ถือว่าครอบจักรวาลเลยทีเดียว)
1.ด้านทำมาค้าขายให้โชคให้ลาภ ติดตัวหรือบูชาไว้ในบ้าน ร้านค้า หรืออาคารสำนักงานเพื่อเรียกโชคลาภหรือลูกค้าเข้าร้าน (ทำมา้ค้าขายดี), ธุรกิจ และรายได้เจริญก้าวหน้า มีแต่เจริญขึ้นไปไม่มีเสื่อมถอย(ตามลักษณะของเต่าที่มีแต่เดินหน้า ถอยหลังไม่เป็น) ร่ำรวยและรุ่งเรืองแบบมั่นคงยาวนาน (เต่าอายุยืน)
2.ด้านชนะคดีความ ติดตัวไว้เพื่อต่อสู้คดีความทีูู่ถูกใส่ร้าย หรือถูกกลั่นแกล้ง
3.ด้านปกป้องคุ้มครอง ติดตัวไว้เพื่อคุ้มครองป้องกันภัยนานาประการ (เชื่อกันว่าเหมือนมีกระดองเต่ามาคลุมตัว)
4.ด้านเมตตามหานิยม ติดตัวหรือบูชาให้เกิดเมตตามหานิยม (โดยธรรมชาติแล้วเต่าเป็นสัตว์ที่น่ารัก ใครพบเห็นก็บังเกิดความรักใคร่เอ็นดู)
โปรดติดตามรายละเอียดของพญาเต่าเรือนได้ในวันต่อไป หวาดดีครับ
9:31 AM | |
This entry was posted on 9:31 AM You can follow any responses to this entry through the RSS 2.0 feed. You can leave a response, or trackback from your own site.
0 comments:
Post a Comment